อัจฉริยะของโลกที่ยังมีชีวิต  อ่านหัวข้อแล้วรู้สึกอิจฉาคนพวกนี่จริงๆเลยคับ ว่าไหม  เกิดมาเป็นอัจฉริยะคงทำอะไรก็ง่ายไปหมด(อันนี้เป็นการคาดเดาของผมน่ะ ผมไม่รู้เพราะไม่ใช้พวกอัจฉริยะ) โดยเฉพาะตอนเรียนหนังสือคงสนุกน่าดู อ่านอะไรก็เข้าใจหมด ไม่ต้องมานั่งงุนงก เครียสเวลาอ่านหนังสือสอบ อันนี้พวกเราคนธรรมดาคงรู้กันดีอยู่แล้วว่า เวลาที่เรียนอะไรแล้วไม่เข้าใจ มันคือนรกชัดๆ โดยเฉพาะเวลาสอบเนียะ เครียดมากไม่รู้จะอ่านหนังสืออย่างไรให้เข้า อิจฉาคนพวกนี้ที่เกิดมาพร้อมกันความฉลาด เกิดมาพร้อมกับ IQ ที่มากกว่าคนธรรมดาอย่างเราๆ คนพวกนี้ถ้าเปรียบเทียบก็คงเหมือนกับเพื่อนๆคนเก่งของเราที่เรียนอยู่ห้องเรียนเดียวกัน  เรียนก็เรียนจากครูคนเดียวกัน ติวก็ไปติวด้วยกัน อ่านหนังสือก็อ่านด้วยกัน แต่เวลาทำข้อสอบ ทำไมมันทำคะแนนได้เยอะกว่าเราหว่ะ  คือคนพวกนี้ผมว่าเขาคงมีกระบวนการคิด หรือมีอะไรบางอย่างในสมองของเขา เวลาคิดเวลามองอะไรทำให้เห็นอะไรที่มากกว่า เห็นอะไรที่ลึกซึ้งกว่าคนธรรมดา ทำให้เก่งกว่าคนธรรมดา  บอกตามตรงผมอิจฉาคนพวกนี่จริงๆ วันนี้ก็เลยมีบทความของคนอัจฉริยะของโลกที่ยังมีชีวิตอยู่มาให้ทุกคนได้อ่าน  ว่าคนพวกนี้เขาทำอะไรกันบ้าง พวกเขาเก่งขนาดไหน มาให้อ่านให้อิจฉาไปตามๆกัน ลองอ่่านดูคับ

โดยปกติแล้ว มนุษย์ธรรมดาอย่างเราๆ จะมีไอคิวอยู่ที่ 90 – 110 แต่สำหรับอัจฉริยะบุคคลแล้วแน่นอนว่ามันเกินกว่านั้น ไม่เช่นนั้นจะเรีบกว่าเขาว่าอัจฉริยะได้ยังไงล่ะ

เว็บไซต์ฮัฟฟิงตัน โพสต์ ได้เปิดเผย 10รายชื่อของเหล่าอัจฉริยะรอบโลกที่มีความฉลาดเป็นเลิศในด้านต่างๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่ และประสบความสำเร็จมาได้อย่างไม่น่าเชื่อทีเดียว แน่นอนว่าไอคิวของเขาไม่ธรรมดาแน่ แต่จะสูงแค่ไหน และเก่งในเรื่องใด ลองมาดูทั้ง 10อันดับ คนไอคิวสูงสุดในโลก อัจฉริยะมาก

1. เทอเรนซ์ เต๋า วัย 36 ปี (IQ: 230)

เท อเรนซ์ เต๋า เดิมเป็นชาวออสเตรเลีย (ต่อมาได้รับสัญชาติอเมริกันอีกสัญชาติหนึ่ง) สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน เมื่ออายุ 20 ปี และได้รับแต่งตั้งให้เป็นศาสตราจารย์ที่ภาควิชาคณิตศาสตร์ที่ UCLA เมื่ออายุเพียง 24 ปี ทำให้เขาเป็นผู้มีอายุน้อยที่สุดที่เคยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นศาสตราจารย์ ของสถาบันดังกล่าว ทั้งนี้เขายังได้แสดงอัจฉริยภาพอันน่าทึ่งมาตั้งแต่อายุยังน้อย เช่น เป็นผู้อายุน้อยที่สุดที่เคยได้รับเหรียญทองในการแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิก ระหว่างประเทศ เมื่ออายุ 13 ปี

2. คริสโตเฟอร์ ฮิราตะ วัย 30 ปี (IQ: 225)

คริสโตเฟอร์ ฮิราตะ เป็นอีกหนึ่งหนุ่มผู้มีไอคิวสูงเป็นเลิศ เขาได้เข้าเรียนที่สถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย หรือ แคลเทค ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนแถวหน้าในสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่อายุ 14 ปี หลังจากนั้น ขณะที่เขาอายุ 16 ปี เขายังได้ร่วมบุกเบิกดาวอังคารร่วมกับองค์การนาซา ก่อนที่จะได้รับปริญญาเอกสาขาดาราศาสตร์ฟิสิกส์เมื่ออายุ 22 ปี

3. คิม อึง ยอง วัย 50 ปี (IQ: 210)

คิม อึง ยอง อาจจะถือได้ว่าเป็นมนุษย์ที่ฉลาดที่สุดในโลก การันตีโดยกินเนสส์บุ๊คเลยก็ว่าได้ เพราะคิมสามารถอ่านภาษาญี่ปุ่น เกาหลี เยอรมัน และอังกฤษ ได้ตั้งแต่ 4 ขวบ และเมื่อถึงวันเกิดครบ 5 ขวบ เขาก็สามารถแก้โจทย์แคลคูลัสที่ซับซ้อนได้ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้ไปออกรายการทีวีญี่ปุ่นแสดงสามารถทางภาษาจีน สเปน เวียดนาม ตากาลอก เยอรมัน อังกฤษ ญี่ปุ่น และเกาหลี นอกจากนี้ คิมยังเป็นนักเรียนรับเชิญในชั้นเรียนวิชาฟิสิกส์ที่มหาวิทยาลัย Hanyang ตั้งแต่อายุ 3-6 ขวบ จนกระทั่งอายุ 7 ขวบ นาซาได้เชิญเขาไปอเมริกาและเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยโคโรลาโด พร้อมกับเริ่มทำงานวิจัยที่นาซาไปด้วย ในปี 1974 (พ.ศ. 2517) จนได้ปริญญาเอกด้านฟิสิกส์ ก่อนที่เขาจะมีอายุครบ 15 ปีเสียอีก

4. ริค รอสเนอร์ วัย 52 ปี (IQ: 192)

ริ ชาร์ด จี รอสเนอร์ หรือ ริค รอสเนอร์ ผู้เขียนบทโทรทัศน์ ทำงานกับ จิมมี่ คิมเมล แต่ดูเหมือนว่าเขาคนนี้จะเป็นอัจฉริยะที่แปลกกว่าพวกเสียหน่อย เพราะในความจริงแล้วเมื่อพลิกดูประวัติการทำงานของเขา ก็พบว่า ริค เคยเป็นนักเต้นระบำเปลื้องผ้า พนักงานเสิร์ฟติดล้อ เป็นยาม แล้วก็ยังเป็นนายแบบนู้ดอีกด้วยนะ

5. แกรี่ คาสปารอฟ วัย 49 ปี (IQ: 190)

แก รี่ คาสปารอฟ ชาวรัสเซีย เชื้อสายยิว-อาร์เมเนีย เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นนักหมากรุกสากลที่เก่งที่สุดในโลกตั้งแต่เคยมีเกม นี้มา แกรี่ คาสปารอฟ ครองแชมป์โลกหมากรุกสากลในปี พ.ศ. 2528 – 2543 ก่อนจะประกาศอำลาวงการหมากรุกสากลอย่างเป็นทางการและผันตัวเองไปเป็นนัก เคลื่อนไหวทางการเมืองในปี พ.ศ. 2548 เขามีสไตล์การเล่นหมากรุกที่เน้นไปในทางการใช้กลยุทธ์ที่แยบยล พิสดาร และลึกล้ำเป็นหลัก ปัจจุบัน แกรี่ คาสปารอฟ เขียนตำราและบทวิเคราะห์ทางหมากรุกสากลไว้หลายเล่ม ซึ่งล้วนทรงคุณค่ามหาศาลต่อวงการหมากรุกและศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง เช่น การออกแบบปัญญาประดิษฐ์

6. เจมส์ วู้ดส์ วัย 65 ปี (IQ: 180)

เจมส์ วู้ดส์ สามารถทำข้อสอบ SAT เป็นข้อสอบมาตรฐานสำหรับการรับบุคคลเข้าศึกษาในสถานบันอุดมศึกษาในระบบการ ศึกษาของสหรัฐอเมริกา ในส่วนของข้อสอบการใช้เหตุผลทางคณิตศาสตร์ได้ 779 คะแนน และ Verbal 800 คะแนน หลังจากนั้นเขาก็ได้เข้ามาเป็นครูสอนวิชาพีชคณิต ที่ UCLA ในขณะที่กำลังเรียนไฮสคูลอยู่

7. เซอร์ แอนดรูว์ วิลลิส วัย 59 ปี (IQ: 170)

เซอร์ แอนดรูว์ วิลลิส นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษ สามารถแก้โจทย์คณิตศาสตร์ที่ยากที่สุดในโลกได้ นั่นคือ ทฤษฎีบทสุดท้ายของแฟร์มาต์ (Fermat’s Last Theorem) ซึ่งเป็นทฤษฎีบทที่โด่งดังในประวัติศาสตร์ของคณิตศาสตร์ ตลอดระยะเวลา 358 ปี ไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้ถูกต้องเลย

8. พอล อัลเลน วัย 59 ปี (IQ: 170)

พอ ล อัลเลน เป็นคู่หูผู้ร่วมก่อตั้งไมโครซอฟท์ร่วมกับ บิล เกตส์ เขายังเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดลำดับที่ 48 ตามการจัดอันดับความมั่งคั่งที่มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 14.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ …ไม่เพียงเท่านี้ เขายังเป็นทั้งผู้ก่อตั้งและเป็นประธานของ วัลแคน อิงค์ มีพอร์ตการลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ ที่รวมถึงบริษัทเอฟรีและกิสต์ นอกจากนี้ พอล อัลเลน ยังเป็นเจ้าของสองทีมกีฬาอาชีพ ซึ่งได้แก่ ซีแอตเทิล ซีฮอว์ค ของเอ็นเอฟแอล (NFL) และพอร์ตแลนด์ เทรลเบลเซอร์ส ของเอ็นบีเอ (NBA) และที่สำคัญแม้จะเห็นได้ว่าเขามีรายได้มากมายมหาศาล แต่เขาก็เป็นนักการกุศลชาวอเมริกันตัวยงคนหนึ่งเช่นกัน

9. จูดิต โพลการ์ วัย 35 ปี (IQ: 170)

จู ดิต โพลการ์ หญิงสาวผู้ซึ่งเป็นยอดฝีมือหมากรุกฝ่ายหญิง จากการอบรมฝึกฝนจากพ่อในการเล่นหมากรุกตั้งแต่วัยเยาว์ ในที่สุดเธอก็สามารถเอาชนะพ่อได้ตั้งแต่อยู่ในวัยเพียง 5 ขวบเท่านั้น และที่ยิ่งไปกว่านั้น จูดิต โพลการ์ ยังสามารถเอาชนะได้ถึงระดับแกรนด์มาสเตอร์ ตั้งแต่อายุเพียง 15 ปี ทำลายสถิติโลกเดิมที่ผู้ชายทำไว้ก่อนหน้าลงอย่างราบคาบ

10. สตีเฟน ฮอว์คิง วัย 70 ปี (IQ: 160) (เสียชีวิตแล้ว)

สตี เฟน ฮอว์คิง นักฟิสิกส์ทฤษฎีและนักจักรวาลวิทยา ศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ฮอว์คิงเป็นโรคเซลล์ประสาทสั่งการเสื่อมถอย หรือที่เรียกว่า ALS อันเป็นอาการผิดปกติของระบบประสาทโดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแอลงจนเกือบเป็นอัมพาต แต่เขายังคงทำงานวิชาการต่อไป จนกระทั่งมีชื่อเสียงจากการถอดรหัสความลึกลับของจักรวาล จากบทความวิจัยเกี่ยวกับฟิสิกส์ของเวลา โดยเขาได้ทำนายว่าเวลาน่าจะมีจุดเริ่มต้นที่บิ๊กแบง (หรือจุดกำเนิดของเอกภพ) และมีจุดจบที่ใจกลางของหลุมดำ อีกทั้งยังมีผลงานหนังสือ ประวัติย่อของกาลเวลา (A Brief History of Time) และจักรวาลในเปลือกนัท (The Universe in a Nutshell) ซึ่งอยู่ในรายการขายดีที่สุดของบริติชซันเดย์ไทมส์ทำลายสถิตินานถึง 237 สัปดาห์